กดแชร์เอาไว้อ่านทีหลัง หรือแชร์ให้เพื่อน คลิกด้านล่างเลยจ้า
CAMPHUB idol

มารู้จัก “พี่มีมี่ อักษรอินเตอร์ BALAC จุฬาฯ” กับการบอกเล่าเรื่องประวัติศาสตร์และดิสนีย์ ผ่าน @arielqueenss กัน!

หากใครเล่นทวิตเตอร์คาดว่าน่าจะต้องเคยเห็นแอคเคาท์ @arielqueenss ที่มาพร้อมกับรูปดิสเจ้าหญิงแอเรียลกันแน่ๆ แต่ภายใต้รูปดิสแอเรียลที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์และประวัติการ์ตูนดิสนีย์เนี่ย เขาเป็นใครกันนะ? วันนี้พี่ปาล์มมี่ และพี่ๆ CAMPHUB จะพาทุกคนมารู้จักอีกด้านหนึ่งของ “พี่มีมี่” พี่สาวผมแดงที่มาพร้อมกับแพชชั่นอันร้อนแรงในการเล่าเรื่อง! จะเป็นยังไงล่ะก็ ตามไปดูกันเลย..


อย่าลืมแอดไลน์ @CAMPHUB


สวัสดีค่า อยากให้พี่มีมี่แนะนำตัวเองคร่าวๆ กันหน่อย

สวัสดีค่า จริงๆ ชื่อเต็มชื่อ “เถียนหมี่มี่” แต่เรียกสั้นๆ ว่า “มีมี่” ก็ได้ค่ะ ตอนนี้เพิ่งเรียนจบจากคณะอักษรศาสตร์ เอกวิชาภาษาและวัฒนธรรม โทภาษาสเปน ส่วนชื่อคณะก็เรียกกันสั้นๆ ว่า BALAC หรือว่าอักษรอินเตอร์ค่ะ 


แบบนี้พี่มีมี่เริ่มสนใจประวัติศาสตร์ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? ตั้งแต่มัธยมเลยรึเปล่า หรือว่าตอนเข้า BALAC ไปแล้ว

จริงๆ ตอนเด็กๆ เราก็เริ่มจะสนใจเรื่องต่างประเทศบ้างแล้ว เพราะก็อยากไปเที่ยว อยากเห็นโลกด้วย อีกอย่างคือเราอยากรู้ว่าแต่ละประเทศมีเรื่องราวยังไง มีวัฒนธรรมแตกต่างอะไรจากประเทศเราบ้าง บวกกับชอบดูหนังประวัติศาสตร์ด้วย แต่ถ้าเป็นช่วงมัธยมอาจจะยังไม่ได้จริงจังกับมันมาก เพราะก็สนุกกับอย่างอื่นอยู่ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะยังไม่มีโอกาสได้เรียนประวัติศาสตร์แบบเจาะลึกด้วย แค่เรียนตามตำราที่เค้าสอนในมัธยมทั่วๆ ไป ก็เลยอาจจะยังไม่ได้สนใจกับมันมากค่ะ แต่เพื่อนๆ จะชอบบอกว่าเราเป็นคนมีแพชชั่นชัดมาก แบบรู้เลยว่าคนนี้ชอบเรื่องภาษา เรื่องต่างประเทศ อินการ์ตูนดิสนีย์อะไรแบบนี้ 



งั้นอย่างงี้ อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจเข้าคณะ BALAC?

ย้อนกลับไป 6 ปีที่แล้วเนอะ นานมาก 5555 ตอนนั้นเราก็รู้ตัวว่าเราชอบ Cultural Study หรือการเรียนเกี่ยวกับวัฒนธรรม ซึ่งก็รู้สึกว่าคณะที่สอนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ในไทยมันแทบไม่มีเลย มีดังๆ ที่คนพูดถึงก็มีแค่ BALAC นี่แหละ ทีนี้ก็เลยลองไปอ่านหลักสูตรของคณะในเว็บไซต์ดู อ่านปุ๊ปก็คือว้าวมาก! มีแต่วิชาน่าเรียน ทั้ง Film Analysis (วิเคราะห์ภาพยนตร์) ทั้งๆ ที่เรียนอักษรแต่จะได้เรียนวิเคราะห์หนัง เรียนรู้บทบาทของภาพยนตร์ในสังคมกับวัฒนธรรมด้วย แล้วก็อีกวิชาที่ทำให้เราสนใจก็คือ Body Culture (วัฒนธรรมการใช้ภาษากาย) คือชื่อก็น่าสนใจแล้ว แต่พอได้เรียนจริงๆ มันเปิดกว้างกว่านั้นมาก ได้เรียนเรื่อง Gender, แนวคิด Feminism แล้วก็สังคมบริโภคนิยม แต่เอามาลิงก์กับร่างกายเราทั้งหมด คืออ่านแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าตัววิชามันน่าสนใจมาก



ดีมากเลย แล้วอย่างงี้อยากให้พี่มีมี่ลองรีวิวคณะ BALAC ให้ฟังสั้นๆ หน่อยได้มั้ยคะ?

รวมๆ ก็คือสนุกมากเลยค่ะ ส่วนหนึ่งก็เพราะเราสนุกไปกับเนื้อหาที่เรียนด้วย พอได้เข้าคณะไปก็ได้เจอคนที่ความชอบคล้ายๆ เราอีก แต่ว่าถ้าไม่ชอบอ่านหนังสือก็จะค่อนข้างเหนื่อย เพราะอ่านเยอะมากๆ เขียนเปเปอร์ก็ค่อนข้างเยอะ แล้วที่สำคัญคือเป็นภาษาอังกฤษล้วนด้วย ตอนเรียนอักษรมันจะมีวิชา Eastern Civilization กับ Western Civilization (อารยธรรมตะวันออก กับอารยธรรมตะวันตก) ซึ่งต้องอ่านหนังสือเยอะมากๆ คือเราอ่านจนเช้าแทบทุกวัน แต่เรารู้สึกสนุกไปกับมันมากๆ โดยเฉพาะเรื่องอารยธรรมตะวันตกคืออ่านแล้วหยุดไม่ได้อะไรแบบนี้เลย แต่เวลานอนพังมากนะ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง 5555 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือเราเอ็นจอยสุดๆ ส่วนเรื่องสังคมก็ดีมากๆ เลยค่ะ เพื่อนน่ารัก ทุกคนเป็นกันเอง


มันจะมีคำพูดที่ว่า “เรียนอักษรจะได้แต่ความรู้ที่ไม่สามารถปฏิบัติจริงได้” พี่มีมี่คิดยังไงกับประโยคนี้?

ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนิยามคำว่า “ปฏิบัติจริง” ยังไงด้วยแหละเนอะ แต่ถ้าพูดถึงแง่ของการนำไปต่อยอด เราว่าคอร์สของอักษรมีประโยชน์ไม่แพ้ใครเลย เพราะเราได้เรียนรู้และเข้าใจพื้นฐานของสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้ เราได้ภาษาอังกฤษ แล้วก็ได้ภาษาที่สามอีก คือมันเป็นความรู้ที่แบบดัดแปลงไปใช้ได้กับหลายสายงานมากๆ อย่างเพื่อนๆ เราตอนนี้คือไปได้หลายสายมาก แต่ทุกคนพูดเหมือนกันว่าความรู้ที่ได้มาจากคณะมามันไม่สูญเปล่า เพราะฉะนั้น เราก็คิดว่ามันก็ใช้ได้จริงในแบบของมัน 


มาเรื่องเบาๆ กันบ้าง อยากให้พี่มีมี่แนะนำการ์ตูนดิสนีย์ที่ชอบ แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จักหน่อยค่ะ

เรื่อง The Hunchback of Notre Dame (คนค่อมแห่งโนเทรอเดม) คนน่าจะพอรู้จัก แต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยแมสเลย แต่เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่เราชอบที่สุดในดิสนีย์เลยแหละ เรื่องราวจะเกิดขึ้นในฝรั่งเศส ช่วงปลายยุคกลาง มีประเด็นมากมายที่ยังยึดโยงกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อยู่ ภาพก็สวยด้วย คือถ้าใครชอบประวัติศาสตร์ก็แนะนำให้ดูมากๆ



แล้วถ้าพี่มีมี่ได้เป็นตัวละครโปรดในดิสนีย์ พี่มีมี่จะเป็นใครเอ่ย?

แน่นอนว่าต้อง “แอเรียล” อยู่แล้ว เรารู้สึกว่าแอเรียลกับเราเหมือนกันหลายๆ เรื่องเลย ไม่ใช่แค่สีผมนะ 5555 แต่เรารู้สึกเข้าใจการกระทำต่างๆ ของแอเรียล คิดว่าถ้าเป็นตัวเองเจอสถานการณ์แบบเดียวกัน ก็คงจะเลือกทำแบบที่แอเรียลทำ หนึ่งในซีนโปรดของเราเลย คือซีนเพลง Part of Your World ที่แอเรียลร้องเพลงในถ้ำ ก็คือแอเรียลแบบอยากเป็นคน อยากขึ้นไปอยู่บนบก อยากออกจากที่ที่ตัวเองอยู่มาทั้งชีวิต เราดูทุกครั้งก็แบบ เออ เราว่าเราก็มีความฝันแบบเดียวกัน เราฝันอยากไปอยู่ที่อื่น อยากเติบโตในแบบที่ตัวเองต้องการ ดูฉากนี้ทีไรก็ร้องไห้ตลอด



อย่างงี้แอเรียลก็เป็นหนึ่งในที่มาของชื่อ @arielqueenss ในทวิตด้วยใช่มั้ยคะ?

ใช่ค่ะ จริงๆ ชื่อนี้คิดได้ตอนเล่นเกม คือมันต้องใส่ username ซึ่งชื่อที่เราชอบใช้ก่อนหน้านี้มันมีคนใช้ไปแล้ว ตอนนั้นก็เลยแบบเอาเป็นชื่อแอเรียลละกันเพราะเราชอบ แล้วก็ลงท้ายด้วยคำว่าควีน ก็รู้สึกเพราะดี ก็เลยมาเป็นชื่อนี้


แล้วอะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เปิดแอคทวิตเตอร์เล่าเรื่องคะ?

ตอนแรกเราใช้ทวิตในการโปรโมตนิยายค่ะ เรามองว่า Twitter เป็นช่องทางที่ดีในการโปรโมต มันเป็นที่ที่ให้คนติดตามได้ แปะลิงก์ได้ ก็เลยเริ่มจากตรงนั้น แต่ว่าเราก็ชอบดิสนีย์เป็นทุนเดิม ก็เลยเริ่มมีการทวีตเล่าเรื่องดิสนีย์บ่อยๆ ซึ่งแรกๆ ก็ทวีตไปแบบไม่ได้คิดอะไร แค่แบบแชร์นั่นแชร์นี่ที่เจอมา แต่ไปๆ มาๆ คนก็รีเยอะ พอถึงจุดนึงก็เลยเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย มันมีคนชอบนะเนี่ย บวกกับพอไปแลกเปลี่ยนที่อังกฤษ แล้วก็เรียนอักษรด้วย ก็รู้เรื่องประวัติศาสตร์มากขึ้นก็เลยแบบว่า เออ งั้นลองเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ด้วยหน่อยดีกว่า ลองๆ ไปก่อนเผื่อคนสนใจ แล้วผลลัพธ์ก็คือคนสนใจเกินคาดมาก พอได้ผลตอบรับที่ดีก็เลยทำต่อเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ค่ะ 



ดีมากเลยค่ะ แบบนี้หาข้อมูลประวัติศาสตร์ด้วยตัวเองเลยมั้ยคะ หรือก็อิงจากที่เรียนมาเป็นหลัก

ก็มีเอามาจากที่เรียนมา แต่ส่วนมากจะเป็นค้นคว้าเอง คือจะหาอ่านจากหลายๆ ที่ แล้วก็ดึงจุดที่น่าสนใจมาเล่าต่อ เริ่มหาใน Google เลย เราสนใจอะไร พิมพ์คีย์เวิร์ดลงไป มันก็จะขึ้นมาให้อ่านเยอะแยะเลย อ่านแล้วก็ทำความเข้าใจ แต่บางทีก็ต้องเช็กด้วยแหละว่าข้อมูลมันถูกต้องหรือเปล่า แหล่งข่าวน่าเชื่อถือมั้ย ก็เลยต้องอ่านหลายๆ ที่ให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือมา


แล้วพอทำมาสักพักแล้ว เคยหมดแพชชั่นหรือคิดจะเลิกทำบ้างมั้ย?

ยังไม่เคยคิดจะเลิกทำเลยค่ะ แต่มันก็มีช่วงที่เนือยๆ ไปบ้าง งานเยอะ หรือหมดแพชชั่นก็จะหยุดพัก ไม่กดดันตัวเอง ไม่ฝืนตัวเอง เพราะถ้าฝืนเดี๋ยวจะยิ่งทำออกมาไม่ดี

เพราะเรามองว่ามันคือสิ่งที่เราทำจากความชอบ ไม่ใช่งานหรือหน้าที่ที่ต้องบังคับตัวเองมาทำ พอกลับมามีแรงก็จะกลับมาทำใหม่ได้ค่ะ เพราะเรายังคงสนุกกับการเล่าเรื่องพวกนี้อยู่



แล้วตอนนี้พี่มีมี่มีแพลนจะทำอะไรต่อในอนาคตบ้างคะ?

จริงๆ เดี๋ยวเราจะไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นปีนึง หลังจากกลับมาแล้วก็คิดว่าน่าจะมาอยู่ไทยพักใหญ่ๆ เพราะคิดไว้ว่าอยากกลับมาทำงานก่อน แล้วก็คงคิดเรื่องต่อโท เพราะว่าเราอยากเรียน European History แล้วก็คงยาวไปถึงปริญญาเอกถ้ายังไหว 


แบบนี้แสดงว่านอกเหนือจากวัฒนธรรมยุโรป พี่มีมี่ก็สนใจวัฒนธรรมกับภาษาญี่ปุ่นด้วยเหมือนกันด้วย?

ใช่ค่ะ สนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นด้วย เพราะว่าชอบดูอนิเมะ ชอบวัฒนธรรม เคยมีโอกาสได้เรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่นนิดๆ หน่อยๆ ด้วย แล้วก็หยุดเรียนไป แต่ว่าพอเรียนจบออกมาแล้วก็รู้สึกอยากรื้อฟื้นมัน อยากพูดญี่ปุ่นเก่งๆ อีกอย่างหนึ่งคือเรารู้สึกว่าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นหาอ่านในอินเทอร์เน็ตยากกว่าฝั่งยุโรป  คือมันจะไม่ค่อยมีฉบับภาษาอังกฤษอะไรแบบนี้ เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสไปอยู่และเรียนภาษาญี่ปุ่นน่าจะช่วยทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมของเขาได้ดียิ่งขึ้น



แล้วนอกเหนือจากการเรียนต่อ พี่มีมี่มีอาชีพที่อยากทำรึยังคะ?

มีแล้วค่ะ จริงๆ เราอยากทำเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ อยากเป็นแบบ Head History หรือนักประวัติศาสตร์ แต่จริงๆ เราก็มีฝันที่สำคัญมากๆ อีกอัน ก็คือ เราอยากคืนโบราณวัตถุของประเทศใต้อาณานิคม คือทุกประเทศเจ้าอาณานิคมจะยึดของไปแล้วเอาไปไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง คิดดูว่าถ้าตอนนี้ถ้าเราอยากเห็นของจากอียิปต์ แอฟริกา แต่ต้องไปอังกฤษ ไปเนเธอร์แลนด์ มันก็คงจะงงๆ เนอะ ถึงแม้มันจะมีบางคนบอกว่า เอาไปก็ดีแล้วเพราะว่าประเทศเหล่านั้นก็คงจะดูแลมันได้ไม่ดีพอ แต่ว่าเราเห็นต่าง เพราะเราคิดว่ามันเป็นเป็นสมบัติประเทศเขาอ่ะ เขาควรมีสิทธิที่จะได้ดูแลและเป็นเจ้าของโบราณวัตถุเหล่านั้น



มีอะไรอยากฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยบ้างมั้ยคะ?

ก็เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนเลย เราเข้าใจความรู้สึกน้องๆ มาก เพราะว่าเราก็เคยผ่านจุดนั้นมาเหมือนกัน ยังจำความเครียดและความเหนื่อยในช่วงนั้นได้ตลอด ยังไงก็ขอให้ทุกคนสู้ๆ อย่าหมดกำลังใจไปก่อนนะคะ นึกถึงคณะในฝันเข้าไว้ เข้าไปอ่านหลักสูตรวิชาที่อยากเรียนในมหาลัยก่อนเลยก็ได้ แล้วก็บอกตัวเองว่าเนี่ย เราเข้าไปได้เราก็จะได้เรียนสิ่งที่เราอยากเรียนจริงๆ สักทีนะ 

อีกอย่างคือถ้าเหนื่อยก็อย่าลืมหาเวลาพักกันด้วยนะคะ ให้เวลากับสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะมันจะได้มาช่วยเติมพลังให้เราไปต่อได้ และที่สำคัญเลยก็คือ อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น อย่าคิดว่าเราด้อยกว่าหรือคนอื่นเก่งกว่า ให้จำไว้ว่า เราแข่งกับตัวเอง เราเก่งที่สุด น้องๆ ทุกคนทำได้ค่ะ! 


สุดท้ายนี้ พี่มีมี่มีผลงานอะไรอยากฝากไว้บ้างมั้ยเอ่ย?

ตอนนี้แอกทีฟอยู่ 3 ที่หลักๆ ก็คือ Twitter, TikTok แล้วก็ Instagram สำหรับ Twitter ชื่อ @arielqueenss กับ TikTok ก็ชื่อ @arielqueenss เช่นกัน ส่วน Instagram ชื่อ @mimie.starr ค่ะ ตอนนี้ในไอจีเราทำคอนเทนต์เล่าเรื่องประวัติศาสตร์อยู่ คือจะเปิดให้คนเข้ามาถามคำถามเรื่องประวัติศาสตร์ทุกๆ วันศุกร์ ใครอยากมาฟังย้อนหลังก็สามารถกดดูตรงไฮไลต์หน้าโปรไฟล์ได้เลย นอกจากนี้ในอนาคตก็จะเริ่มทำ Youtube จริงจังด้วย ฝากติดตามกันด้วยน้าาา



เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย ได้รู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของคุณมีมี่กันไปเต็มที่เลยใช่มั้ย! พี่ปาล์มมี่ต้องขออัปเดตเพิ่มเติมว่าตอนที่บทสัมภาษณ์นี้เผยแพร่ พี่มีมี่ก็ได้ไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้วนะค้าา ส่วนน้องๆ คนไหนที่กำลังค้นหาตัวเองอยู่ก็ขอให้หาตัวเองเจอนะคะ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ ตามหาสิ่งที่ตัวเองชอบ สุดท้ายมันอาจจะอยู่ใกล้ตัวเรามากก็ได้ อ่านบทความนี้แล้วก็ลองเอาไปปรับใช้ดูน้าาาา

จบแล้ววว.. สำหรับ CAMPHUB idol วันนี้กับพี่มีมี่ หวังว่าน้องๆ จะได้รับแง่คิดและแรงบันดาลใจชั้นดีจากพี่มีมี่ไม่มากก็น้อย และถ้าน้องๆ มีเพื่อนที่สนใจเกี่ยวกับการเรียนสายนี้ หรือใครกำลังลังงเลหรือค้นหาตัวเองอยู่ว่าชอบอะไร ก็อย่าลืมกดแชร์ให้พวกเขาเหล่านั้นได้อ่านกันด้วยนะคะ และถ้าหากใครไม่อยากพลาดข่าวค่ายหรือบทความดีๆ แบบนี้จาก CAMPHUB ก็อย่าลืมแอดไลน์ไว้เลย ที่ @CAMPHUB สำหรับวันนี้ พี่ปาล์มมี่และพี่มีมี่ ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า บ๊ายบายยย


อย่าลืมแอดไลน์ @CAMPHUB

CAMPHUB idol พี่มีมี่ @arielqueenss
สัมภาษณ์ พี่ปาล์มมี่ CAMPHUB
ถ่ายภาพ พี่ซัน CAMPHUB
ตรวจทาน พี่ฟิวส์ พี่แก๊ป CAMPHUB
กราฟิก พี่หมิง พี่อิ๋ว CAMPHUB
ขอขอบคุณสถานที่ สวนป่าเบญจกิติ กรุงเทพมหานคร

กดแชร์เอาไว้อ่านทีหลัง หรือแชร์ให้เพื่อน คลิกด้านล่างเลยจ้า

ข้อมูลผู้เขียน

พี่ปาล์มมี่